ทางการ จีน สั่งคุมเข้มมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 หลังจากที่ ยอดผู้ป่วยโควิด ยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง หวั่นคลื่นการแพร่ระบาดลูกที่สามช่วงตรุษจีน เมื่อวันที่ 20 มกราคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ทางการจีนจะเพิ่มมาตรการคุมเข้มในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 โดยจะมีการตรวจสอบประชาชนทุกคนที่เดินทางจากต่างชาติเข้ากรุงปักกิ่ง ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา และสั่งปิดสถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่ง
โดยทางการจีนเปิดเผยว่าพบผู้ป่วยใหม่ 103 ราย ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น้อยลงจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่พบผู้ป่วยใหม่ 118 ราย
นอกจากนี้ทางการจีนยังพบผู้ป่วยใหม่ที่ไม่แสดงอาการ 58 ราย โดยผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการนั้นจะไม่ถูกนับรวมกับยอดผู้ป่วยใหม่รายวัน
การคุมเข้มมาตรการนี้เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเทศกาลตรุษจีนที่คาดว่าจะมีประชาชนกว่าร้อยล้านคนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งทางการจีนกังวลว่าอาจจะเป็นตัวจุดชนวนคลื่นการแพร่ระบาดลูกใหม่ และส่งผลกระทบกับหลายภาคส่วน
นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวสุนทรพจน์ก่อน ลงจากตำแหน่ง ประธานาธิบดี ในวันที่ 20 ม.ค. มั่นใจว่าเขาได้ทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการ
มื่อวันที่ 20 มกราคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้โพสต์วิดีโอผ่านชาแนลของทำเนียบขาว เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ก่อนที่เขาจะลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม ที่จะถึงนี้
ในวิดีโอดังกล่าวนาย ทรัมป์ ระบุว่า เขาได้เผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ยากที่สุดในชีวิต ซึ่งการต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้ที่ประชาชน เลือกให้เขาเข้ามารับมือ โดยว่าที่อดีตผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวด้วยความมั่นใจว่าเขาได้ทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการให้เขาทำ
นายทรัมป์ ได้ขอบคุณกลุ่มคนที่ร่วมงานกับเขา พร้อมโวว่าเขาและรัฐบาลได้สร้างประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลก
นอกจากนี้ นาย ทรัมป์ ยังได้พูดถึงเหตุความรุนแรงที่รัฐสภาสหรัฐฯในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ ว่า เหตุความรุนแรงดังกล่าวเป็นการทำลายทำลายทุกสิ่งที่ชาวอเมริกันอุ้มชู และเหตุความรุนแรงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้
อย่างไรก็ดีในวิดีโอ นาย ทรัมป์ ไม่ได้ยอมรับถึงความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และ ไม่มีการเอ่ยนามถึง นาย โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีที่จะเข้ามารับตำแหน่งหลังจากตน
โดย นาย ทรัมป์ ได้รับการยอมรับจากประชาชนหลังจากลงตำแหน่งเพียงแค่ร้อยละ 34 ซึ่งถือเป็นประธานาธิบดีที่ได้รับคะแนนการยอมรับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา
เกือบบอดสนิท! ชายไต้หวัน สุดซวย โดนเพื่อนตี ลูกแบดพุ่งเข้าเบ้าตา
หนุ่มใหญ่ชาวไต้หวัน เล่นแบดมินตันกับเพื่อน ก่อนโดนเพื่อนตบเต็มแรงจน ลูกแบดพุ่งเข้าเบ้าตา แพทย์เผยตาเกือบบอดสนิท และรักษาไม่หาย
ชายไต้หวัน อายุ 60 ปี จากเมืองเกาสง ตาเกือบบอดสนิท หลังได้รับอุบัติเหตุจากการเล่นแบดมินตันกับเพื่อน แล้วโดนเพื่อนตบเต็มแรงจน ลูกแบดพุ่งเข้าเบ้าตา ทำให้เจ็บปวดและมองเห็นไม่ชัด
หลังเข้ารับการรักษา เจียง เว่ยอู๋ จักษุแพทย์ผู้ทำการรักษาเผยข่าวร้ายว่า ตาข้างที่โดนลูกแบดนั้นมีอาการสาหัส ม่านตามีเลือดออก และฉีกขาด ประกอบกับแก้วตาสูญเสียความโปร่งใสอย่างรุนแรง
ซึ่งทางแพทย์ก็พยายามสุดความสามารถ เพื่อกู้สายตาจาก 0.1 (สูญเสียการมองเห็นเกือบทั้งหมด) แต่ก็นำกลับมาได้เพียง 0.4 เท่านั้น
ทั้งนี้ จักษุแพทย์ให้คำแนะนำเหล่าผู้ชื่นชอบกีฬาแบดมินตันทิ้งท้ายว่า ควรเล่นด้วยความระมัดระวัง เพราะลูกแบดนั้นหากหวดเต็มแรง สามารถพุ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง 300-400 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว
ซิโนแวค เปิดเผยว่า ประสิทธิภาพ จะเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20 หากผู้รับวัคซีนเว้นระยะห่างระหว่างโดสเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์
เมื่อวันที่ 18 มกราคม สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า โฆษกของบริษัท ซิโนแวค ผู้ผลิตวัคซีนโคโรนาแวค ออกมาเปิดเผยว่าประสิทธิภาพการทดลองวัคซีนเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20 หลังจากที่เว้นระยะห่างการฉีดวัคซีนโดสที่สองเป็น 3 สัปดาห์
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง